สำนักงาน กสทช. ภาค3
สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ Office of National Broadcasting and Telecommunications Commission
หน้าแรก > ข่าวประชาสัมพันธ์ > กสทช.จับมือกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม(ดีอี) เร่งปราบเว็บผิดกฏหมาย
บันทึกโดย : นายณรงค์ อินสุข     หมายเลขโทรศัพท์ : 0946300877 วันที่บันทึก : 30/04/2560

กสทช.จับมือกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม(ดีอี) เร่งปราบเว็บผิดกฏหมาย

กสทช. จับมือ ก.ดีอีเร่งปราบเว็บผิดกฎหมาย
         นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กล่าวว่า กสทช.ได้หารือการดำเนินการเพื่อระงับการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารที่ไม่เหมาะสมผ่านอินเทอร์เน็ตเรื่องเว็บหมิ่น ร่วมกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) และตัวแทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต (ไอเอสพี) ผู้ให้บริการโครงข่ายอินเทอร์เน็ตระหว่างประเทศ (ไอไอจี) สำนักงานข่าวกรองแห่งชาติ, สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งให้ไอเอสพี และ ไอไอจี ทำตามหลักเกณฑ์เดิมที่เคยแจ้งไว้ และกำชับเพิ่มเติมในกรณีมีเว็บหมิ่นสถาบัน ที่ทำความผิดมาตรา 112 ให้ไอเอสพี ปฏิบัติ 2 แนวทาง คือ กระทรวงดีอี หรือ กสทช. นำคำสั้งศาลแจ้งให้นำเว็บไซด์ผิดกฎหมายออกได้ทันที หรือใช้วิจารณญาณว่ามีเนื้อหาหมิ่นสถาบันก็สามารถนำเว็บไซด์ออกได้ทันทีโดยไม่ต้องรอคำสั่ง แต่หากตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นการเข้ารหัสไม่สามารถนำออกได้ ขอให้ทำเรื่องแจ้วกระทรวงดีอี หรือในกรณีที่มีหน่วยงานอื่นแจ้งมาก็แจ้งกลับหน่วยงานนั้นเพิ่มเติมด้วย เพื่อกระทรวงดีอีและกสทช.จะติดต่อกับผู้ให้บริการในต่างประเทศเพื่อดำเนินการทางศาลต่อไป
          นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้อภิปรายเกี่ยวกับเรื่อง CDN (Content Delivery Network) โดยไอเอสพีแจ้งว่า OTT ต่างประเทศ เช่น เฟซบุ๊ก มีการลงทุนตั้งเซิร์ฟเวอร์ในไทย จึงทำให้ไม่สามารถนำเนื้อหาที่ค้างอยู่ในเซิร์ฟเวอร์ออกได้ จึงขอให้กสทช.ดำเนินการนำเรื่อง CDN เสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทค.) เพื่อลงมติว่า ควรเป็นหน้าที่ของหน่วยงานใดในการตัดสินใจ โดยคาดว่าภายในสิ้นเดือนนี้จะได้ข้อสรุปเบื้องต้น หากไม่เกี่ยวกับ กสทช. ก็ต้องเกี่ยวกับกระทรวงดีอี หรือ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทั้งนี้ เว็บที่ไม่ต้องเข้ารหัส เราเอาลงได้ 100% แล้ว แต่เว็บที่ค้างอยู่ใน CDN ยังมีอยู่ ซึ่งนอกจากเนื้อหาหมิ่นแล้ว เนื้อหาลามก และละเมิดลิขสิทธิ์ก็ถือว่าเป็นเนื้อหาผิดกฏหมายเช่นกัน